ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2023-24 ข้ามผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายเรียบร้อย เมื่อคืนวันพุธที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้เราได้ครบ 8 สโมสร ที่จะเดินหน้าเข้าไปลุยในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งหน้าเดิมๆ ขาประจำอย่าง เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค รวมถึงแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากันครบ ส่วน อาร์เซน่อล จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ก็มาตามนัด หลังจากที่ไม่ได้มาถึงจุดนี้นานถึง 14 ปี!!! หรือนับตั้งแต่ซีซั่น 2009-10 และนี่คือโฉมหน้าของแต่ละสโมสรที่เตรียมฟาดแข้งในรอบก่อนรองฯ ช่วงกลางเดือนหน้า
– อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม บี) : ชนะ 4, เสมอ 1, แพ้ 1, ประตูได้ 16, ประตูเสีย 4
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด เสมอ ปอร์โต้ 1-1 (ชนะดวลจุดโทษ 4-2)
ดาวซัลโวประจำทีม : กาเบรียล เชซุส (4 ประตู)
ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : รองแชมป์ (2005-06)
ทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ทำผลงานในถ้วย “บิ๊ก เอียร์ส” ฤดูกาลนี้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีเกมรับอันแข็งแกร่งเป็นพื้นฐานสำคัญ ซึ่งพวกเขาเพิ่งเสียแค่ 5 ประตูเท่านั้น
– บาร์เซโลน่า (สเปน)
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม เอช) : ชนะ 4, เสมอ 0, แพ้ 2, ประตูได้ 12, ประตูเสีย 6
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ นาโปลี 4-2
ดาวซัลโวประจำทีม : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (6 ประตู)
ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, รอบ 32 ทีม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก
ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : แชมป์ 5 สมัย (1991-92, 2005-06, 2008-09, 2010-11, 2014-15)
บาร์ซ่า ที่มี ชาบี คุมทัพเป็นฤดูกาลสุดท้าย เดินหน้าเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมหนแรก นับตั้งแต่ซีซั่น 2019-20 โดยที่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นหัวใจสำคัญในการสังหารประตู
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)
รอบแบ่งกลุ่ม (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ) : ชนะ 2, เสมอ 2, แพ้ 2, ประตูได้ 9, ประตูเสีย 8
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ เรอัล โซเซียดาด 4-1
ดาวซัลโวประจำทีม : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (6 ประตู)
ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : รองแชมป์ (2019-20)
เปแอสเช ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มอย่างทุลักทุเล แต่สามารถอัดคู่แข่งในรอบ 16 ทีมอย่าง เรอัล โซเซียดาด ได้ง่ายดายเกินคาด ถือเป็นทีมที่ไม่สามารถมองข้ามได้
– แอตเลติโก มาดริด (สเปน)
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม เอ) : ชนะ 4, เสมอ 2, แพ้ 0, ประตูได้ 17, ประตูเสีย 6
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด เสมอ อินเตอร์ มิลาน 2-2 (ชนะดวลจุดโทษ 3-2)
ดาวซัลโวประจำทีม : อ็องตวน กรีซมันน์ (6 ประตู)
ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : รองแชมป์ (2013-14, 2015-16)
“ตราหมี” ของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังคงมีทีเด็ดเสมอในถ้วย “บิ๊ก เอียร์ส” หลังผ่านรอบแบ่งกลุ่มแบบสบายๆ ก่อนพลิกสถานการณ์เขี่ย อินเตอร์ มิลาน จ่าฝูง เซเรีย อา ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
–โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี)
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม เอฟ) : ชนะ 3, เสมอ 2, แพ้ 1, ประตูได้ 7, ประตูเสีย 4
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 3-1
ดาวซัลโวประจำทีม : คาริม อเดเยมี่, มาร์โค รอยส์ (2 ประตู)
ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีสุดใน
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : แชมป์ 1 สมัย (1996-97)
“เสือเหลือง” ของกุนซือ เอดิน แทร์ซิช เข้าถึงรอบก่อนรองฯ ได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2020-21 โดยตลอดเส้นทาง ถึงแม้ ดอร์ทมุนด์ ไม่ใช่ทีมที่ทำประตูมากมาย แต่พวกเขาก็เสียประตูยาก
– บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม เอ) : ชนะ 5, เสมอ 1, แพ้ 0, ประตูได้ 12, ประตูเสีย 6
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ ลาซิโอ 3-1
ดาวซัลโวประจำทีม : แฮร์รี่ เคน (6 ประตู)
ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบก่อนรองฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : แชมป์ 6 สมัย (1973-74, 1974-75, 1975-76, 2000-01, 2012-13, 2019-20)
ฤดูกาลนี้ผลงานในลีกอาจตกลง แต่ “เสือใต้” ภายใต้การนำทัพของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล ยังคงมาตรฐานสูงเหมือนเดิมในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยรอบที่แล้วพลาดท่าให้ ลาซิโอ ก่อนในเกมแรก แต่พอกลับมาเล่นที่บ้านในเลกสอง กินนิ่มสบาย
– แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม จี) : ชนะ 6, เสมอ 0, แพ้ 0, ประตูได้ 18, ประตูเสีย 7
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ โคเปนเฮเก้น 6-2
ดาวซัลโวประจำทีม : เออร์ลิง ฮาลันด์ (6 ประตู)
ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : แชมป์ 1 สมัย (2022-23)
“เรือใบสีฟ้า” ในฐานะแชมป์เก่า ของยอดกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงไปได้สวยเช่นเคยในฤดูกาลนี้ โดยนอกจากเป็นทีมเดียวที่มีสถิติชนะ 100% แล้ว ยังกระหน่ำถึง 24 ประตูอีกด้วย ซึ่งเหนือกว่าทุกทีม
– เรอัล มาดริด (สเปน)
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม ซี) : ชนะ 6, เสมอ 0, แพ้ 0, ประตูได้ 16, ประตูเสีย 7
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : รวมสองนัด ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก 2-1
ดาวซัลโวประจำทีม : จู๊ด เบลลิงแฮม (4 ประตู)
ผลงานถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อน : รอบรองฯ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ : แชมป์ 14 สมัย (1955-56, 1956-57, 1957-58, 1958-59, 1959-60, 1965-66, 1997-98, 1999-2000, 2001-02, 2013-14, 2015-16, 2016-17, 2017-18, 2021-22)
“ราชันชุดขาว” ของกุนซือ คาร์โล อันเชลอตติ ยังคงมีมาตรฐานสูงเหมือนเดิม ถึงแม้รอบที่แล้วผ่าน แอร์เบ ไลป์ซิก แบบมีเหนื่อยก็ตาม
*** หมายเหตุ : สำหรับการจับสลากประกบคู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 15 มีนาคมนี้ เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนการแข่งขันนัดแรกจะมีขึ้นในวันที่ 9 และ 10 เมษายน ขณะที่นัดสองจะเตะในวันที่ 16 และ 17 เมษายน